โทเคนดิจิทัลคืออะไร

โทเคนดิจิทัล (Digital Token) เป็นหน่วยการลงทุนรูปแบบหนึ่ง ที่มีการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงอย่างอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดินมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล โดยผู้ถือโทเคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่ผู้ออกโทเคนดิจิทัลกำหนดไว้ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ผลกำไรของสินทรัพย์นั้นๆ เพียงอย่างเดียว แต่ผู้ถือโทเคนสามารถรับผลประโยชน์ประเภทอื่นตามที่ได้ระบุในเอกสารประกอบการเสนอขายด้วย เช่น ส่วนลดการใช้บริการ การใช้บริการฟรี หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ โดยผู้ลงทุนสามารถเข้ามาถือครองโทเคนดิจิทัลได้ผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือที่เรียกว่า Initial Coin Offering (ICO)

โทเคนดิจิทัลปลอดภัยหรือไม่

โทเคนดิจิทัลได้รับการรับรองเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยการลงทุนในโทเคนดิจิทัลจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมีการบังคับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับด้วย Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีความปลอดภัยสูง รวมถึงได้รับการควบคุมและติดตามผ่าน ICO Portal ที่ได้รับการเห็นชอบจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

การลงทุนในโทเคนดิจิทัลแตกต่างจากการลงทุนรูปแบบอื่นอย่างไร

ผู้ถือโทเคนจากการลงทุนใน ICO จะได้รับผลประโยชน์ในรูปตัวเงินและสิทธิประโยชน์ตามที่ระบุในเอกสารประกอบการเสนอขาย ซึ่งจะมีความหลากหลายกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น อาทิ สิทธิการเข้าพักฟรีสำหรับโทเคนประเภทโรงแรมหรือห้องเช่า สิทธิการรับบริการและส่วนลดต่างๆ สำหรับโทเคนประเภทร้านค้าหรือสถานบริการ เป็นต้น

โอกาสลงทุนสินทรัพย์ผ่านโทเคนดิจิทัลมีอะไรบ้าง

เนื่องจากผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลสามารถนำสินทรัพย์ประเภทต่างๆ มาแปลงให้อยู่ในรูปโทเคนดิจิทัลได้ นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสินทรัพย์ที่เมื่อก่อนอาจไม่มีโอกาสลงทุน ทั้งอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ที่พักอาศัย และด้วยความยืดหยุ่นของโทเคนดิจิทัล ทำให้อาจมีการนำสินทรัพย์รูปแบบอื่นมาเข้าสู่กระบวนการ ICO มากยิ่งขึ้นในอนาคต เช่น งานศิลปะ ของสะสม หรืออัญมณี ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่เปิดกว้าง และสามารถร่วมเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ที่ตนเองสนใจได้โดยใช้เงินเริ่มต้นที่ไม่สูงมาก

ประเภทของนักลงทุนในโทเคนดิจิทัล

การลงทุนในโทเคนดิจิทัลเปิดกว้างต่อนักลงทุนทุกกลุ่ม ได้แก่

  • นักลงทุนทั่วไป จำกัดการลงทุนไม่เกิน 300,000 บาท ต่อโทเคนดิจิทัล
  • นิติบุคคลร่วมทุน หรือกิจการเงินร่วมทุน
  • นักลงทุนรายใหญ่พิเศษ ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 70 ล้านบาทขึ้นไป หรือผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไป
  • ผู้ลงทุนสถาบัน
scroll top iconBack to top